โลโก้เว็บไซต์ มทร.ล้านนา คว้ารางวัลบทความดีเด่นบนเวที EENET 2025 พร้อมลงพื้นที่ติดตามโครงการไมโครกริดชุมชนบ้านคลองเรือ ต้นแบบพลังงานสะอาดแห่งอนาคต | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

มทร.ล้านนา คว้ารางวัลบทความดีเด่นบนเวที EENET 2025 พร้อมลงพื้นที่ติดตามโครงการไมโครกริดชุมชนบ้านคลองเรือ ต้นแบบพลังงานสะอาดแห่งอนาคต

เผยแพร่เมื่อ : ศุกร์ 30 พฤษภาคม 2568 โดย อภิญญา พูลทรัพย์ จำนวนผู้เข้าชม 249 คน

ยังไม่มีคะแนนสำหรับบทความนี้ ผู้อ่านสามารถให้คะแนนบทความได้จากปุ่มข้างใต้

        ระหว่างวันที่ 27–30 พฤษภาคม 2568 รองศาสตราจารย์ วิเชษฐ ทิพย์ประเสริฐ รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มอบหมายให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนนท์ นำอิน รองอธิการบดี และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพพร พัชรประกิติ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ นำคณะอาจารย์ นักวิจัยเข้าร่วมการประชุมวิชาการเครือข่ายวิศวกรรมไฟฟ้าแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 (The 17th Electrical Engineering Network Conference – EENET 2025) ณ โรงแรมเฮอริเทจ แกรนด์ คอนเวนชั่น จังหวัดระนอง

       การประชุมดังกล่าวจัดโดยสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) ร่วมกับสมาคมวิชาการทางวิศวกรรมไฟฟ้า (ประเทศไทย) เครือข่ายวิศวกรรมไฟฟ้า และเครือข่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล มีเป้าหมายเพื่อเป็นเวทีวิชาการสำหรับอาจารย์ นักวิจัย และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ในการนำเสนอผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า โดยการประชุมครั้งนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.ล้านนา ได้นำเสนอผลงานวิจัยจำนวนทั้งสิ้น 17 บทความ โดยได้รับรางวัลบทความดีเด่นจำนวน 2 รางวัล ได้แก่
        * บทความ เรื่อง “การพัฒนากระบวนการแปรรูปกาแฟด้วยระบบอุณหภูมิต่ำและความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ โดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งและเทคโนโลยีพลังงาน (GN-925)”
         * บทความ เรื่อง “An Examination of Functionality Renewable Microgrids: Khlong Ruea, Thailand (ES-723)”

           ภายหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในเวทีวิชาการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนนท์ นำอิน พร้อมคณะอาจารย์นักวิจัย ได้เดินทางลงพื้นที่ชุมชนบ้านคลองเรือ ตำบลพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร เพื่อติดตามความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาระบบผลิตและจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบไมโครกริด ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยวิจัยพลังงานสะอาด มทร.ล้านนา กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยโครงการดังกล่าว นอกจากจะมีเป้าหมายในการบูรณาการความร่วมมือในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับพื้นที่ห่างไกล แต่ยังเป็นต้นแบบของ “ห้องปฏิบัติการมีชีวิต” (Living Lab) สำหรับการเรียนรู้เชิงลึกด้านระบบพลังงานสะอาด ซึ่งสามารถต่อยอดสู่โครงงานนักศึกษา งานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา และหลักสูตรฝึกอบรมช่างในท้องถิ่น เพื่อการดูแลรักษาระบบพลังงานอย่างยั่งยืน ทั้งนี้เพื่อการพัฒนามหาวิทยาลัย เป็นไปตามปรัญญาของการเป็น “"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อชุมชนอย่างยั่งยืน" อย่างแท้จริงต่อไป